"แกงบอน" เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณ หลายคนอาจสงสัย "บอน" คืออะไร คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยรู้จักนัก วันนี้ A Cuisine จะพาทุกๆคนมาทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้กัน มาดูกันเลย แกงบอน (นางหวาน) อาหารไทยที่ห้ามคนทำพูดว่า "คัน" สมัยเด็กเวลาหยิบจับอะไรแล้วเกิดตกแตกเสียหาย จะโดนผู้ใหญ่ดุทันทีว่า "ทำไมมือบอนอย่างนี้! "
ขั้นแรก ต้องเลือกบอนให้ถูก อย่าไปเลือกบอนที่กินไม่ได้มาพอได้บอนมาแล้ว อย่าเพิ่งผ่านน้ำ ให้ผู้ทำสวมถุงมือ แล้วปอกเปลือกก้านบอนออกจนหมด แล้วตัดเป็นชิ้นๆ (ขั้นตอนนี้หากต้องการนำไปล้าง ก็ควรล้างบอนโดยอย่าสัมผัสมือโดยตรง อาจใช้ตะหลิวยาวๆ คนไปมาในน้ำแล้วจึงใช้กระชอนช้อนขึ้นก็ได้) 2. นำบอนไปผ่านความร้อน วิธีทำได้ตั้งแต่ต้มน้ำให้เดือด ใส่บอนลงต้มพร้อมด้วยใบตำลึงสัก 1 กำมือ หรือจะใช้การต้มกับใบมะขามอ่อนสัก 1 กำมืออย่างสูตรภาคอีสานก็ได้ เมื่อบอนสุกแล้วตักขึ้นจากน้ำพักใส่กระด้งให้สะเด็ดน้ำ(ขั้นตอนนี้ใครจะทับน้ำออกด้วยเหมือนที่น้าผู้เขียนทำก็ได้) หรือจะนำบอนไปนึ่งจนสุกก็ได้ 3. จากนั้น ต้มน้ำหม้อที่จะแกงบอน นำปลาอินทรีย์เค็ม หรือปลาร้าชิ้นที่มีเนื้อมาก ห่อใบตอง กลัดให้เรียบร้อย ใส่ลงต้มกับน้ำกะว่าปลาด้านในใบตองสุก ตักขึ้น (น้ำอย่าทิ้ง) นำเนื้อปลาร้าหรือปลาเค็มไปโขลกรวมกับพริกแกง 4. พริกแกงที่ใช้ทำแกงบอน โขลกจาก พริกชี้ฟ้าแห้งเม็ดใหญ่กรีดนำเมล็ดออกแช่น้ำจนนิ่มพริกขี้หนูแห้งเม็ดเล็กแช่น้ำจนนิ่ม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด หอม กระเทียม กระชายกะปิห่อใบตองย่าง และเนื้อปลาร้าหรือเนื้อปลาเค็มต้มที่เตรียมไว้พร้อมด้วยเนื้อปลาช่อนย่างสุกแกะเอาแต่เนื้อ แล้วโขลกทุกอย่างรวมกันให้ละเอียด 5.
00 – 19. 00 น. ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นำพริกแกงไปละลายในน้ำต้มปลาเค็ม ใส่บอนลงไป แล้วปรุงรส ให้มี หวาน จากน้ำตาลปี๊บ เปรี้ยว จากมะขามเปียก น้ำมะกรูด เค็ม น้ำปลา และเกลือปรุงออกมาแล้วให้มีสามรสเท่าๆ กัน อย่างแกงขั้วส้ม ผลมะกรูดที่เหลือจากการเฉือนผิวมะกรูดมาโขลกพริกแกง ปอกเปลือกสีขาวออกแล้วให้ผ่าครึ่งผล ใช้มีดแคะเมล็ดออกจนหมด แล้วใส่ลงต้มไปกับแกงด้วยต้มต่อจนชิ้นบอนเปื่อย ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปให้หอม ก็เป็นอันเสร็จวิธีแกงบอน สุดท้ายจะแอบเตือนย้ำเป็นเคล็ดอีกครั้งว่า เวลาทำบอน อย่าปากบอนไปพูดว่า "คัน" เข้าล่ะคุณ เดี๋ยวเกิดคันขึ้นมาจริงๆ จะวิ่งเข้าโรงหมอไม่ทัน เรื่องและภาพ: สิทธิโชค ศรีโช
เชื่อให้โชคแสงประหลาดพุ่งขึ้นเนินนางหวานฮือฮาพบกระดูกสัตว์โบราณ – ชาวบ้านในตำบลคำเหมือดแก้ว อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ แตกตื่นแห่ดูวัตถุประหลาด ลักษณะคล้ายกระดูกสัตว์ดึกดำบรรพ์ หลังรถแบ็กโฮขุดดินปรับที่นาใต้เนินต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งลึกเกือบ 1 เมตร พบกองกระดูกสีขาวโพลน เชื่อเป็นกระดูกสัตว์โบราณชนิดหนึ่ง นำดอกไม้ธูปเทียนประกอบพิธีขอความเป็นสิริมงคลและโชคลาภตามความเชื่อ เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณที่นานายสุทิน เลพล อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 156 บ้านคำมันปลา หมู่ 6 ต. คำเหมือดแก้ว อ. ห้วยเม็ก จ. กาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ระหว่างบ้านคำมันปลากับบ้านคำมะโฮ ลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งนาสลับกับเนินสูงปลูกมันสำปะหลัง มีชาวบ้านจำนวน 15 คน นำโดยนายสุทินเจ้าของนา และผู้สูงอายุในหมู่บ้าน มุงดูวัตถุชนิดหนึ่ง อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นบนเนินดินสูง ซึ่งวัตถุที่พบดังกล่าวมีลักษณะเป็นก้อนสีขาว ถูกฝังรวมกันอยู่ใต้ผิวดิน ลึกจากระดับผิวดินปกติประมาณ 70 ซม. ทั้งนี้ ชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นกระดูกของสัตว์โบราณอายุหลายหมื่นปี จึงนำดอกไม้ธูปเทียนมาจุดขอขมา และเดินวนอ้อมเนินดินและบริเวณที่พบกระดูกดังกล่าว 3 รอบ ก่อนประกอบพิธีขอความเป็นสิริมงคลและโชคลาภตามความเชื่อ นายพูนพิพัฒน์ เรืองแสน อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 174 บ้านคำมันปลา หมู่ 6 ต.
กาฬสินธุ์ กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวและละแวกใกล้เคียง เป็นพื้นที่ราบสูง แต่มีร่องรอยของร่องน้ำธรรมชาติไหลผ่านเชื่อมไปถึงโนนวิเศษ ในเขตใกล้เคียง คือ อ. ชื่นชม จ.
ตอนนั้นรู้นะว่าผู้ใหญ่ตำหนิเราว่าเราซน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม มือต้อง "บอน" Author
แบบธรรมดา 2 - 6 วัน ฿64. 00 สามารถเก็บเงินปลายทางได้ ส่งสินค้าคืนร้านค้าได้โดยตรงภายใน 7 วัน เหตุผลเปลี่ยนใจสามารถใช้ได้ เฉพาะสินค้าที่ยังไม่ถูกเปิดและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีการรับประกันสินค้า สิทธิพิเศษลูกค้าใหม่ลดสูงสุด 50% เฉพาะในแอปเท่านั้น สแกนผ่านโทรศัพท์มือถือ คะแนนร้านค้า 100% จัดส่งตรงเวลา 100% อัตราการตอบแชท ข้อมูลไม่เพียงพอ
และคนถามก็แทร้งเป็นต้นบอนตอบเองกลับมาว่า "หวานจ๊ะ" แล้วจึงถามอีกว่า "บอนจ๋าคันไหมจ๊ะ? " ก่อนแกล้งตอบกลับแทนต้นบอนอีกว่า "ไม่คันจ๊ะ" พอสิ้นคำตอบว่าไม่คันแล้วจึงลงมีดตัดบอนได้ก็จะได้บอนหวานไม่คันมาปรุงอาหาร ตามความเชื่อ และขอย้ำซ้ำอีกครั้งว่าหลังจากนั้นแล้ว ตลอดระยะเวลาจนปรุงบอน ก็ห้ามพูดคำว่า "คัน" เด็ดขาดหรือในบางจังหวัดเลือกที่จะเรียกชื่อบอนว่า "นางหวาน" ไปเลยจบเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับบอน ครานี้มาดูกันดีกว่า ว่าคนโบราณ และในทางวิทยาศาสตร์ การปรุงบอนไม่ให้คันนั้นทำอย่างไรกันบ้าง สารพัดวิธีทำบอนไม่คัน 1. ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ปี พ. ศ. 2416 ของหมอบรัดเลย์ กล่าวถึงบอนไว้ว่า "กินดิบคันปาก ทำให้สุกกับไฟแล้วกินไม่คัน" ใช่แล้ว ความร้อน จะช่วยให้ผลึกรูปเข็มของแคลเซียมออกซาเลต เกิดการแตกหักและลดความแหลมคมของผลึกลง ดังนั้นการนำบอนไปผ่านความร้อนจึงช่วยให้บอนคลายความคันลง 2.