ศ. ๒๕๒๒ และจำเลยที่ ๑ ออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ ๖๘๙/๒๕๔๐ ลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐ ไม่อนุญาตให้โจทก์และบุคคลอื่นรวมสามสิบสี่คนเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นการออกคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มิได้เป็นไปโดยสุจริต ปราศจากพยานหลักฐานสนับสนุน เป็นการฟังข้อเท็จจริงฝ่ายเดียว โดยมิได้ให้โอกาสโจทก์โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐาน ทั้งเป็นคำสั่งที่ไม่มีเหตุผลครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติวิธี ปฏิบัติราชการทางปกครอง พ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๗ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ จำเลยทั้งสามให้การว่า การออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ ๖๘๙/๒๕๔๐ ของจำเลยที่ ๑ กระทำไปโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ. ๒๕๓๙ แล้ว กล่าวคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจทุกหน่วยงานรายงานข้อมูลของคนต่างด้าวที่มีพฤติการณ์ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๒ เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาพฤติการณ์ของคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้รับรายงานพฤติการณ์ของโจทก์มาตามลำดับชั้นและพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดให้โทษและส่งหญิงไปค้าประเวณี จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงทำบันทึกเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ ๑ จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เข้ามาในราชอาณาจักร โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.
อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ถามในประเด็นนี้เหมือนกัน